วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554
วันอังคารที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554
เฉลยบทที่ 4 บัญชีเพื่อการจัดการ
ข้อ 3. ตอบ
3.1 จุดคุ้มทุน (หน่วย) = 125,000 หน่วย
3.2 บริษัทต้องขายสินค้ากี่หน่วยเพื่อให้มีกำไรหลังภาษี 240,000 บาท
= 158,333.33 หน่วย
3.3 ในปี 25X3 บริษัทลายฟ้าจำกัด ต้องขายสินค้าที่เหลืออยู่ให้มีกำไรส่วนเกินต่อหน่วยเท่าไร จึงจะ
ทำให้มีกำไรสุทธิหลังภาษีเท่ากับปี 25X2
= หากำไรสุทธิหลังภาษีของปี 25X2 หน่วย : บาท
ขาย (200,000 x 46) 9,200,000
หัก ต้นทุนผันแปร (200,000 x 34) 6,800,000
กำไรส่วนเกิน 2,400,000
หัก ต้นทุนคงที่ 1,500,000
กำไรก่อนภาษี 900,000
หัก ภาษี 40% (900,000 x 40%) 360,000
กำไรสุทธิหลังภาษี 540,000 (NI)
= สำหรับปี 25X3 ขายสินค้าได้ 150,000 หน่วย โดยขายราคาเดิมได้ 50,000 หน่วย โดยต้นทุนคงที่ลดลง
70,000 บาท ต้นทุนผันแปรไม่เปลี่ยนแปลง
หน่วยขายที่จะขายได้ทั้งหมดปี 25X3 150,000 หน่วย
ขายในราคาเดิมไปแล้ว 50,000 หน่วย
หน่วยขายที่เหลือที่ต้องขายในราคาใหม่ 100,000 หน่วย (x)
ต้นทุนคงที่ :
ต้นทุนคงที่เดิม 1,500,000 บาท
ควบคุมให้ลดลงได้อีก 70,000 บาท
ต้นทุนคงที่คงเหลือ 1,430,000 บาท
= สินค้าส่วนแรกที่ขายไปแล้ว 50,000 หน่วย มีกำไรหน่วยละ 12 บาท (46 - 24 -10 = 12)
จึงเป็นกำไรส่วนเกินที่ช่วยให้ต้นทุนคงที่ลดลงได้อีก
ต้นทุนคงที่คงเหลือ 1,430,000 บาท
ต้นทุนคงที่คงเหลือ 1,430,000 บาท
หัก กำไรส่วนเกิน (50,000 x 12) 600,000 บาท
ต้นทุนคงที่สุทธิ ปี 25X3 830,000 บาท
= บริษัทต้องขายสินค้าที่เหลือให้มีอัตรากำไรส่วนเกินต่อหน่วยดังนี้
= 17.30 บาท
ดังนั้น บริษัทต้องขายสินค้าที่เหลือ 100,000 หน่วย ให้มีกำไรส่วนเกินต่อหน่วย หน่วยละ 17.30
บาท ซึ่งเมื่อรวมกับสินค้าที่บริษัทขายไปแล้ว 50,000 หน่วยในอัตรากำไรส่วนเกินต่อหน่วย หน่วยละ 12
บาท จะทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิหลังภาษีเท่ากับปี 25X2 คือ 540,000 บาท
พิสูจน์ หน่วย : บาท
กำไรส่วนเกิน (50,000 x 12) + (100,000 x 17.30) 2,330,000
หัก ต้นทุนคงที่ 1,430,000
กำไรก่อนภาษี 900,000
หัก ภาษี 40% (90,000 x 40%) 360,000
กำไรสุทธิ 540,000
โดยปกติสินค้ามีกำไรหน่วยละ 12 บาท (50,000 หน่วยแรก)
แต่สินค้าอีก 100,000 หน่วยที่เหลือต้องมีกำไรหน่วยละ 17.30 บาท จึงได้ NI ตามที่ต้องการ
ดังนั้น สินค้า 100,000 หน่วย ที่เหลือจึงต้องขายเพิ่มราคาอีก 17.30 - 12 = 5.30 บาท
* การที่จะขายสินค้าที่เหลือแล้วทำให้ได้กำไรตามที่ต้องการอาจทำได้โดย*
1. ปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นจากเดิมเท่ากับที่ต้องการเพิ่มขึ้น คือ 5.30 บาท
โดยราคาขาย 100,000 หน่วยที่เหลือจะราคา= ราคาขายเดิม + กำไรที่ต้องเพิ่ม
= 46 + 5.30
= 51.30 บาทต่อหน่วย
2. โจทย์บอกว่าต้นทุนผันแปรไม่เปลี่ยนแปลง เราจึงอาจลดต้นทุนผันแปรลงให้ได้เท่ากับกำไรที่
บริษัทต้องเพิ่มขึ้นคือ 34 - 5.30 = 28.70 บาทต่อหน่วย
3. อาจจะปรับทั้งราคาขายเพิ่มขึ้น และลดต้นทุนผันแปรต่อหน่วยลงทั้ง 2 อย่างพร้อมกันก็ได้ โดย
ให้อยู่ในสัดส่วนที่ให้บริษัทมีกำไรส่วนเกินต่อหน่วยเป็น 17.30 บาท เช่น เ พิ่มราคาขายต่อหน่วยขึ้น 3 บาท
ลดต้นทุนผันแปรต่อหน่วยลง 2.30 บาท ก็จะทำให้ได้กำไรส่วนเกินต่อหน่วย 17.30 บาท ตามต้องการ
พิสูจน์
ราคาขาย - ต้นทุนผันแปร = กำไรส่วนเกิน
(46 + 3) - (24 + 10 - 2.30) = 17.30
4. ตอบ
4.1 ราคาขายต่อหน่วย = ต้นทุนต่อหน่วย + กำไรต่อหน่วยที่ต้องการ
P = 6.80 + 10%P + 2.2
P - 10%P = 9
0.9P = 9
P = 0.9
9
= 10 บาท
พิสูจน์
ที่ระดับกิจกรรม 24,000 หน่วย หน่วย : บาท
ขาย (24,000 x 10) 240,000
หักต้นทุน : -
วัตถุดิบทางตรง 96,000
ค่าแรงงานทางตรง 14,400
ค่าใช้จ่ายในการผลิต 24,000
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 28,800
ค่าใช้จ่ายในการขาย (240,000 x 10%) 24,000 187,200
กำไร 52,800
ดังนั้น กำไรต่อหน่วย 52,800 / 24,000 = 2.20 บาท
4.2 จุดคุม้ ทุน (หนว่ ย)
= 12,000 หน่วย
พิสูจน์
หน่วย : บาท
ขาย (12,000 x 10) 120,000
หักต้นทุนผันแปร :
วัตถุดิบทางตรง (120,000 x 4) 48,000
ค่าแรงงานทางตรง (12,000 x 0.60) 7,200
ค่าใช้จ่ายในการขาย (12,000 x 10 x 10%) 12,000 67,200
กำไรส่วนเกิน 52,800
หักต้นทุนคงที่ :
ค่าใช้จ่ายในการผลิต 24,000
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 28,800 52,800
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 0
ดั้งนั้น จุดคุ้มทุน (บาท) = 44 %
จุดคุ้ม ทุน (บาท) = 44%52,800
= 120,000 บาท
พิสูจน์ เช่นเดียวกับพิสูจน์จุดคุ้มทุน (หน่วย) เพราะได้ราคาขายที่เท่ากัน
5. ตอบ
วิธีทำ มีวิธีทำ 2 วิธีคือ
วิธีที่ 1 ยอดขายปีละ 750,000 บาท / 50,000 หน่วย
ดังนั้น ราคาขายเดิม = 15 บาทต่อหน่วย
ราคาขายใหม่ปรับลดลง 10% = 15 x 10%
= 1.50 บาท
ดังนั้น ราคาขายใหม่ = 13.50 บาทต่อหน่วย (15 - 1.50)
ปริมาณขายเพิ่มขึ้นอีก 36% = 50,000 x 36%
= 18,000 หน่วย
ดังนั้น ปริมาณขายใหม่ = 68,000 หน่วย (50,000 + 18,000 )
* กำไรส่วนเกินตามนโยบายใหม่ (68,000 x 10.50 x 40%) 367,200 บาท
กำไรส่วนเกินตามนโยบายเดิม (50,000 x 15 x 40%) 300,000 บาท
กำไรส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น 67,200 บาท
หัก งบค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้น 45,000 บาท
กำไรก่อนภาษีที่เพิ่มขึ้น 22,200 บาท
หัก ภาษี 35% (22,000 x 35%) 7,770 บาท
กำไรสุทธิหลังภาษีที่เพิ่มขึ้น 14,430 บาท
* จากการวิเคราะห์ข้างต้น บริษัทอัลลาโนควรยอมรับนโยบายที่ผ่ายขายเสนอมาเพราะทำให้มี
กำไรหลังภาษีเพิ่มขึ้นอีก 14,430 บาท
วิธีที่ 2 คำนวณเปรียบเทียบ
นโยบายเดิม นโยบายใหม่ ส่วนต่าง
50,000 หน่วย 68,000 หน่วย
ยอดรวม ต่อหน่วย ยอดรวม ต่อหน่วย
ยอดขาย 750,000 15 918,000 13.50 168,000
หัก ต้นทุนผันแปร 450,000 9 550,800 8.10 100,800
กำไรส่วนเกิน (40%) 300,000 6 367,200 5.40 67,200
หัก ต้นทุนคงที่ 100,000 145,000 45,000
กำไรก่อนภาษี 200,000 222,200 22,200
หัก ภาษี 35% 70,000 77,770 7,770
กำไรสุทธิหลังภาษี 130,000 144,430 14,430
6. ตอบ
6.1 งบกำไรขาดทุน โดยแสดงกำไรส่วนเกินรวมในไตรมาสที่ 3 ของปี 25X3
บริษัท โตโต้ จำกัด
งบกำไรขาดทุน
สำหรับงวดไตรมาสที่ 3 ของปี 25X3
P % Q % รวม %
ยอดขาย ,400,000 100 600,000 100 2,000,000 100
หัก ต้นทุนผันแปร 560,000 40 180,000 30 740,000 37
กำไรส่วนเกิน 840,000 60 420,000 70 1,260,000 63
หัก ต้นทุนคงที่ (4,788,000 /4) 1,197,000
กำไรสุทธิ 63,000
6.2 คำนวณหายอดขายรวม ณ จุดคุ้มทุน
ยอดขายรวม ณ จุดคุ้มทุน
1,197,000 x 63%
= 1,900,000 บาท
หาสัดส่วนการขายของผลิตภัณฑ์ P และ Q
ยอดขายรวม 2,000,000 เทียบเป็น =100 %
ยอดขาย P 1,400,000 เทียบเป็น 2,000,000
1,40,000×100
2,000,000
= 70 %
ยอดขาย Q 600,000 เทียบเป็น 2,000,000
600,000×100
2,000,000
= 30 %
จากยอดขายรวม ณ จุดคุ้มทุน 1,900,000 แยกเป็นยอดขายของ P และ Q ดังนี้
ยอดขาย P 1,900,000 x 70% = 1,330,000 บาท
ยอดขาย Q 1,900,000 x 30% = 570,000 บาท
พิสูจน์
ผลิตภัณฑ์
P % Q % รวม %
ยอดขาย 1,330,000 100 570,000 100 1,900,000 100
หัก ต้นทุนผันแปร 532,000 40 171,000 30 703,000 37
กำไรส่วนเกิน 798,000 60 399,000 70 1,197,000 63
หัก ต้นทุนคงที่ (4,788,000 /4) 1,197,000
กำไรสุทธิ 0
6.3 ถ้าบริษัทวางเป้าหมายกำไรก่อนภาษีไว้ 220,500 บาท
จะต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดเป็น จำนวนเงินเท่าไร
(SM) ยอดขายรวมที่ทำให้ได้กำไรก่อนภาษีตามที่ต้องการ = TFC+ EBTS
OCMR
1,197,000 + 220,500/63%
= 2,250,000 บาท
ดังนั้น บริษัทต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์ P = 2,250,000 x 70% = 1,575,000 บาท
บริษัทต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Q = 2,250,000 x 30% = 675,000 บาท
พิสูจน์
ผลิตภัณฑ์
P % Q % รวม %
ยอดขาย 1,575,000 100 675,000 100 2,250,000 100
หัก ต้นทุนผันแปร 630,000 40 202,500 30 832,500 37
กำไรส่วนเกิน 945,000 60 472,500 70 1,417,500 63
หัก ต้นทุนคงที่ 1,197,000
กำไรสุทธิ 220,500
6.4 ถ้าบริษัทต้องการกำไรสุทธิหลังภาษี 198,450 บาท จะต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด
เป็นจำนวนเงินเท่าไร เมื่ออัตราภาษี เท่ากับ 30%
จากสูตร
(SM) ยอดขายรวมที่ทำให้ได้กำไรสุทธิหลังภาษีที่ต้องการ =
1,197,000+283,500/63%
= 2,350,000 บาท
ดังนั้น บริษัทต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์ P = 2,350,000 x 70% = 1,645,000 บาท
บริษัทต้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Q = 2,350,000 x 30% = 705,000 บาท
พิสูจน์
ผลิตภัณฑ์
P % Q % รวม %
ยอดขาย 1,645,000 100 705,000 100 2,350,000 100
หัก ต้นทุนผันแปร 658,000 40 211,500 30 869,500 37
กำไรส่วนเกิน 987,000 60 493,500 70 1,480,500 63
หัก ต้นทุนคงที่ 1,197,000
กำไรก่อนภาษี 283,500
หัก ภาษี 30% 85,050
กำไรสุทธิ 198,450
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)


















